โรคเหงือก โรคปริทันต์

การรักษาโรคปริทันต์อักเสบ คืออะไร?

โรคปริทันต์อักเสบคือสาเหตุสำคัญของฟันโยกและการสูญเสียฟัน การรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่ระยะแรกช่วยควบคุมโรคและเก็บฟันไว้ได้นาน

รองศาสตราจารย์ ทพญ.มุทิตา ว่องสุวรรณเลิศ (หมอโอ๊ะ)
2025-12-25
3 วันที่แล้ว
4
 การรักษาโรคปริทันต์อักเสบ คืออะไร?

โรคปริทันต์อักเสบคืออะไร?

โรคปริทันต์อักเสบ คือ โรคเหงือกระยะรุนแรง ที่เกิดจากการสะสมของ เชื้อแบคทีเรียใต้เหงือก

จนทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง การอักเสบนี้จะค่อย ๆ ทำลายโครงสร้างที่ทำหน้าที่ยึดฟันไว้ ได้แก่

  • เหงือก
  • เอ็นยึดฟัน
  • กระดูกรองรับฟัน

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง โรคจะลุกลามทำให้ ฟันโยก ฟันเคลื่อน และสูญเสียฟันในที่สุด   การรักษาโรคปริทันต์อักเสบ คืออะไร?

การรักษาโรคปริทันต์อักเสบ คือการรักษาที่มุ่งจัดการกับ “สาเหตุที่แท้จริงของโรค” นั่นคือ คราบจุลินทรีย์และหินปูนที่สะสมลึกใต้เหงือก

เป้าหมายของการรักษา คือ

  • ลดและควบคุมการอักเสบ
  • หยุดการทำลายกระดูกรองรับฟัน
  • ช่วยให้เหงือกกลับมาอยู่ในสภาพที่แข็งแรงมากที่สุด

การรักษาจะถูกวางแผนเป็นขั้นตอน โดยพิจารณาตาม ความรุนแรงของโรคในแต่ละบุคคล   วิธีรักษาโรคปริทันต์อักเสบมีอะไรบ้าง?

1️. การรักษาแบบไม่ผ่าตัด ได้แก่ ขูดหินปูนและเกลารากฟัน (Scaling & Root Planing) เป็น หัวใจสำคัญของการรักษาโรคปริทันต์

การรักษานี้ช่วย

  • ทำความสะอาดคราบและหินปูนที่อยู่ลึกใต้เหงือก
  • กำจัดสารพิษจากแบคทีเรียที่เกาะบนผิวรากฟัน
  • ปรับผิวรากฟันให้เรียบ เพื่อให้เหงือกกลับมาแนบฟันได้ดีขึ้น

ผู้ป่วยจำนวนมากสามารถ ควบคุมโรคได้ดี ด้วยการรักษาวิธีนี้เพียงอย่างเดียว หากเริ่มรักษาในระยะที่เหมาะสม   2️. การรักษาเสริมเฉพาะราย

ในบางกรณี ทันตแพทย์อาจพิจารณาการรักษาเสริม เช่น

  • การใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่หรือเฉพาะราย
  • การใช้น้ำยาฆ่าเชื้อในร่องเหงือก

เพื่อช่วยลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียและเสริมประสิทธิภาพการรักษา   3️. การผ่าตัดปริทันต์ (เฉพาะรายที่จำเป็น)

หากร่องเหงือกลึกมาก และไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบไม่ผ่าตัด อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเฉพาะตำแหน่ง เพื่อ

  • ทำความสะอาดบริเวณลึกที่เข้าถึงยาก
  • ปลูกกระดูกและเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย

ไม่ใช่ผู้ป่วยทุกคนจำเป็นต้องผ่าตัด   สิ่งสำคัญที่ทำให้การรักษาได้ผลจริง

การรักษาโรคปริทันต์อักเสบจะได้ผลดี ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ป่วยควบคู่กับการรักษาของทันตแพทย์

สิ่งที่สำคัญ ได้แก่

  • แปรงฟันและทำความสะอาดซอกฟันอย่างถูกวิธี
  • มาพบทันตแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
  • ดูแลสุขภาพเหงือกต่อเนื่องทุก 3–6 เดือน
  • ควบคุมปัจจัยเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ เบาหวาน และความเครียด

  🩵 ข้อคิดจากทันตแพทย์เฉพาะทางโรคเหงือก

โรคปริทันต์อักเสบ ไม่ควรรอให้ฟันโยกก่อนจึงเริ่มรักษา

👉 ยิ่งตรวจพบเร็ว → ยิ่งรักษาง่าย 👉 ยิ่งเริ่มรักษาเร็ว → ยิ่งเก็บฟันไว้ใช้งานได้นาน

หากคุณมีอาการเหงือกบวม เลือดออก ฟันโยก หรือกลิ่นปากเรื้อรัง การตรวจสุขภาพเหงือกกับ ทันตแพทย์เฉพาะทางโรคเหงือก คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการหยุดโรค และดูแลฟันของคุณให้อยู่กับคุณไปได้นานที่สุดค่ะ 💙🦷

แท็กที่เกี่ยวข้อง
โรคเหงือกขูดหินปูน เกลารากฟันโรคปริทันต์อักเสบเฉพาะทางโรคเหงือก หาดใหญ่เหงือกบวมฟันโยกขูดหินปูน หาดใหญ่ ทำฟัน หาดใหญ่

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความแตกต่างของ เหงือกสุขภาพดี เหงือกอักเสบ และปริทันต์อักเสบ : ในด้าน “จุลินทรีย์ใต้เหงือก”
โรคเหงือก โรคปริทันต์

ความแตกต่างของ เหงือกสุขภาพดี เหงือกอักเสบ และปริทันต์อักเสบ : ในด้าน “จุลินทรีย์ใต้เหงือก”

โรคเหงือกทุกชนิดมี “สาเหตุหลักมาจากเชื้อจุลินทรีย์ (แบคทีเรีย)” ที่สะสมอยู่บริเวณร่องเหงือก แบคทีเรียเหล่านี้สร้างไบโอฟิล์ม (คราบจุลินทรีย์) ที่ยึดเกาะแน่น ซึ่งไม่สามารถกำจัดออกได้ด้วยการแปรงฟันเพียงอย่างเดียว เมื่อจุลินทรีย์เริ่มเสียสมดุล—ไม่ว่าจะเพิ่มจำนวนมากเกินไป หรือมีสัดส่วนของแบคทีเรียก่อโรคเพิ่มขึ้น—ร่างกายจะตอบสนองด้วยการอักเสบ เหงือกเริ่มบวมแดง และหากปล่อยไว้นาน กระดูกที่รองรับฟันจะถูกทำลายจนฟันเริ่มโยก ดังนั้น จุลินทรีย์ใต้เหงือก (Subgingival Microbiome) คือ “ตัวชี้วัดสำคัญที่สุด” ว่าเหงือกของคุณสุขภาพดีหรือกำลังมีความเสี่ยงในการเกิดโรคปริทันต์อักเสบ

ทำไมเหงือกอักเสบ…แต่แปรงฟันแล้วไม่เลือดออก?
โรคเหงือก โรคปริทันต์

ทำไมเหงือกอักเสบ…แต่แปรงฟันแล้วไม่เลือดออก?

เหงือกอักเสบอาจไม่แสดงอาการเลือดออกเสมอไป บทความนี้อธิบายสาเหตุ เหตุใดจึงยังเสี่ยง และควรตรวจสุขภาพเหงือกเมื่อไร เพื่อป้องกันปริทันต์อักเสบ

เหงือกบวม แดง เลือดออก เกิดจากอะไร?
โรคเหงือก โรคปริทันต์

เหงือกบวม แดง เลือดออก เกิดจากอะไร?

เหงือกบวม เหงือกแดง หรือมีเลือดออกเวลาแปรงฟัน ไม่ใช่เรื่องปกติ อาจเป็นสัญญาณโรคเหงือกและปริทันต์อักเสบ หากรู้ทันและรักษาเร็ว สามารถป้องกันฟันโยกและการสูญเสียฟันได้