การรักษาโรคปริทันต์อักเสบ คืออะไร?
โรคปริทันต์อักเสบคือสาเหตุสำคัญของฟันโยกและการสูญเสียฟัน การรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่ระยะแรกช่วยควบคุมโรคและเก็บฟันไว้ได้นาน

โรคปริทันต์อักเสบคืออะไร?
โรคปริทันต์อักเสบ คือ โรคเหงือกระยะรุนแรง ที่เกิดจากการสะสมของ เชื้อแบคทีเรียใต้เหงือก
จนทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง การอักเสบนี้จะค่อย ๆ ทำลายโครงสร้างที่ทำหน้าที่ยึดฟันไว้ ได้แก่
- เหงือก
- เอ็นยึดฟัน
- กระดูกรองรับฟัน
หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง โรคจะลุกลามทำให้ ฟันโยก ฟันเคลื่อน และสูญเสียฟันในที่สุด การรักษาโรคปริทันต์อักเสบ คืออะไร?
การรักษาโรคปริทันต์อักเสบ คือการรักษาที่มุ่งจัดการกับ “สาเหตุที่แท้จริงของโรค” นั่นคือ คราบจุลินทรีย์และหินปูนที่สะสมลึกใต้เหงือก
เป้าหมายของการรักษา คือ
- ลดและควบคุมการอักเสบ
- หยุดการทำลายกระดูกรองรับฟัน
- ช่วยให้เหงือกกลับมาอยู่ในสภาพที่แข็งแรงมากที่สุด
การรักษาจะถูกวางแผนเป็นขั้นตอน โดยพิจารณาตาม ความรุนแรงของโรคในแต่ละบุคคล วิธีรักษาโรคปริทันต์อักเสบมีอะไรบ้าง?
1️. การรักษาแบบไม่ผ่าตัด ได้แก่ ขูดหินปูนและเกลารากฟัน (Scaling & Root Planing) เป็น หัวใจสำคัญของการรักษาโรคปริทันต์
การรักษานี้ช่วย
- ทำความสะอาดคราบและหินปูนที่อยู่ลึกใต้เหงือก
- กำจัดสารพิษจากแบคทีเรียที่เกาะบนผิวรากฟัน
- ปรับผิวรากฟันให้เรียบ เพื่อให้เหงือกกลับมาแนบฟันได้ดีขึ้น
ผู้ป่วยจำนวนมากสามารถ ควบคุมโรคได้ดี ด้วยการรักษาวิธีนี้เพียงอย่างเดียว หากเริ่มรักษาในระยะที่เหมาะสม 2️. การรักษาเสริมเฉพาะราย
ในบางกรณี ทันตแพทย์อาจพิจารณาการรักษาเสริม เช่น
- การใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่หรือเฉพาะราย
- การใช้น้ำยาฆ่าเชื้อในร่องเหงือก
เพื่อช่วยลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียและเสริมประสิทธิภาพการรักษา 3️. การผ่าตัดปริทันต์ (เฉพาะรายที่จำเป็น)
หากร่องเหงือกลึกมาก และไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบไม่ผ่าตัด อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเฉพาะตำแหน่ง เพื่อ
- ทำความสะอาดบริเวณลึกที่เข้าถึงยาก
- ปลูกกระดูกและเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย
ไม่ใช่ผู้ป่วยทุกคนจำเป็นต้องผ่าตัด สิ่งสำคัญที่ทำให้การรักษาได้ผลจริง
การรักษาโรคปริทันต์อักเสบจะได้ผลดี ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ป่วยควบคู่กับการรักษาของทันตแพทย์
สิ่งที่สำคัญ ได้แก่
- แปรงฟันและทำความสะอาดซอกฟันอย่างถูกวิธี
- มาพบทันตแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
- ดูแลสุขภาพเหงือกต่อเนื่องทุก 3–6 เดือน
- ควบคุมปัจจัยเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ เบาหวาน และความเครียด
🩵 ข้อคิดจากทันตแพทย์เฉพาะทางโรคเหงือก
โรคปริทันต์อักเสบ ไม่ควรรอให้ฟันโยกก่อนจึงเริ่มรักษา
👉 ยิ่งตรวจพบเร็ว → ยิ่งรักษาง่าย 👉 ยิ่งเริ่มรักษาเร็ว → ยิ่งเก็บฟันไว้ใช้งานได้นาน
หากคุณมีอาการเหงือกบวม เลือดออก ฟันโยก หรือกลิ่นปากเรื้อรัง การตรวจสุขภาพเหงือกกับ ทันตแพทย์เฉพาะทางโรคเหงือก คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการหยุดโรค และดูแลฟันของคุณให้อยู่กับคุณไปได้นานที่สุดค่ะ 💙🦷
บทความที่เกี่ยวข้อง

ความแตกต่างของ เหงือกสุขภาพดี เหงือกอักเสบ และปริทันต์อักเสบ : ในด้าน “จุลินทรีย์ใต้เหงือก”
โรคเหงือกทุกชนิดมี “สาเหตุหลักมาจากเชื้อจุลินทรีย์ (แบคทีเรีย)” ที่สะสมอยู่บริเวณร่องเหงือก แบคทีเรียเหล่านี้สร้างไบโอฟิล์ม (คราบจุลินทรีย์) ที่ยึดเกาะแน่น ซึ่งไม่สามารถกำจัดออกได้ด้วยการแปรงฟันเพียงอย่างเดียว เมื่อจุลินทรีย์เริ่มเสียสมดุล—ไม่ว่าจะเพิ่มจำนวนมากเกินไป หรือมีสัดส่วนของแบคทีเรียก่อโรคเพิ่มขึ้น—ร่างกายจะตอบสนองด้วยการอักเสบ เหงือกเริ่มบวมแดง และหากปล่อยไว้นาน กระดูกที่รองรับฟันจะถูกทำลายจนฟันเริ่มโยก ดังนั้น จุลินทรีย์ใต้เหงือก (Subgingival Microbiome) คือ “ตัวชี้วัดสำคัญที่สุด” ว่าเหงือกของคุณสุขภาพดีหรือกำลังมีความเสี่ยงในการเกิดโรคปริทันต์อักเสบ

ทำไมเหงือกอักเสบ…แต่แปรงฟันแล้วไม่เลือดออก?
เหงือกอักเสบอาจไม่แสดงอาการเลือดออกเสมอไป บทความนี้อธิบายสาเหตุ เหตุใดจึงยังเสี่ยง และควรตรวจสุขภาพเหงือกเมื่อไร เพื่อป้องกันปริทันต์อักเสบ

เหงือกบวม แดง เลือดออก เกิดจากอะไร?
เหงือกบวม เหงือกแดง หรือมีเลือดออกเวลาแปรงฟัน ไม่ใช่เรื่องปกติ อาจเป็นสัญญาณโรคเหงือกและปริทันต์อักเสบ หากรู้ทันและรักษาเร็ว สามารถป้องกันฟันโยกและการสูญเสียฟันได้