ความสัมพันธ์ระหว่าง “โรคปริทันต์อักเสบ” กับ “โรคเบาหวาน”
โรคปริทันต์อักเสบและโรคเบาหวานมีความเชื่อมโยงกันอย่างมาก การดูแลเหงือกให้แข็งแรงคือหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ควบคุมโรคเบาหวานได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงโรครุนแรงในอนาคต

ความสัมพันธ์ระหว่าง “โรคปริทันต์อักเสบ” กับ “โรคเบาหวาน”
ทำไมต้องดูแลทั้งสองอย่างไปพร้อมกัน?
โรคปริทันต์อักเสบไม่ได้มีผลแค่ในช่องปากเท่านั้น แต่มีผลต่อสุขภาพร่างกายโดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน งานวิจัยจำนวนมากยืนยันว่า โรคปริทันต์อักเสบและโรคเบาหวานมีผลต่อกันแบบสองทาง คือโรคหนึ่งทำให้อีกโรคแย่ลงได้
- เบาหวานทำให้โรคปริทันต์อักเสบแย่ลง
หากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน เหงือกจะอักเสบง่ายขึ้น แผลหายช้า และเชื้อโรคในปากเติบโตมากขึ้น ผู้ป่วยเบาหวานจึงมีโอกาสเป็นโรคปริทันต์อักเสบรุนแรงมากกว่าคนทั่วไปประมาณ 3 เท่า
โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานที่คุมน้ำตาลไม่ได้ดี (HbA1c สูง)จะยิ่งทำให้เหงือกจะอักเสบง่ายและรุนแรงขึ้นตามไปด้วย
- โรคปริทันต์อักเสบทำให้การคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานยากขึ้น
การอักเสบในเหงือกจะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดแกว่งและคุมได้ยากขึ้น เพราะสารอักเสบจากเหงือกเข้ากระแสเลือด ทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลินมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้ที่มีโรคเหงือกรุนแรงยังเสี่ยงต่อภาวะไตเสื่อมและโรคหัวใจเพิ่มขึ้นด้วย
ดังนั้น การรักษาโรคปริทันต์อักเสบช่วยผู้ป่วยเบาหวานให้ควบคุมน้ำตาลได้ดีขึ้น สามารถช่วยลดระดับ HbA1c ได้ ซึ่งมีผลต่อการลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนของเบาหวานในระยะยาว
วิธีการรักษาโรคปริทันต์อักเสบ เริ่มต้นด้วยวิธี
• ขูดหินปูน
• เกลารากฟัน
• การแปรงฟันที่ถูกวิธี
ข้อแนะนำสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
เพื่อป้องกันโรคปริทันต์อักเสบและควบคุมเบาหวานให้ดี ควรทำดังนี้
• แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง
• ใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันทุกวัน
• ควบคุมน้ำตาลในเลือดให้เหมาะสม
• พบแพทย์และทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
• ตรวจสุขภาพเหงือกทุก 3–4 เดือน ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ
สรุป
โรคเหงือกและโรคเบาหวานเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด การดูแลเหงือกให้แข็งแรงเป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญที่ช่วยให้ควบคุมโรคเบาหวานได้ดีขึ้น และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนในอนาคต
