ความสัมพันธ์ระหว่างเหงือกอักเสบและปริทันต์อักเสบ: จากเหงือกอักเสบเล็กน้อย สู่การสูญเสียฟันโดยไม่รู้ตัว
โรคปริทันต์เป็นโรคเหงือกที่หลายคนมองข้าม เพราะในระยะเริ่มต้น “ไม่ค่อยมีอาการเจ็บ” แต่จริง ๆ แล้วมีความซับซ้อนมาก และสามารถลุกลามจนทำให้ฟันโยกหรือฟันหลุดได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง

ความสัมพันธ์ระหว่างเหงือกอักเสบและปริทันต์อักเสบ: จากเหงือกอักเสบเล็กน้อย สู่การสูญเสียฟันโดยไม่รู้ตัว
โรคปริทันต์เป็นโรคเหงือกที่หลายคนมองข้าม เพราะในระยะเริ่มต้น “ไม่ค่อยมีอาการเจ็บ” แต่จริง ๆ แล้วมีความซับซ้อนมาก และสามารถลุกลามจนทำให้ฟันโยกหรือฟันหลุดได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
บทความนี้จะเล่าให้เข้าใจง่าย ๆ ว่าเหงือกอักเสบเริ่มจากอะไร เหตุใดจึงพัฒนาเป็นปริทันต์อักเสบ และสุดท้ายอาจทำให้สูญเสียฟันได้อย่างไร 1. จุดเริ่มต้นของปัญหา: คราบจุลินทรีย์ (Plaque) และไบโอฟิล์ม (Biofilm)
เริ่มจาก “คราบจุลินทรีย์” ที่สะสมบนฟันและเหงือก หากเราแปรงฟันไม่สะอาก จะมีแร่ธาตุจากน้ำลายมาตกตะกอนกลายเป็น หินน้ำลาย (หินปูน) เกาะอยู่ที่ผิวฟัน ทำให้เป็นที่อยู่ของแบคทีเรียที่เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว และกระตุ้นให้เหงือกอักเสบได้ภายในไม่กี่วัน
ในช่วงแรกคราบจุลินทรีย์ประกอบด้วยแบคทีเรียแกรมบวกที่ไม่รุนแรงมาก แต่เมื่อสะสมมากขึ้น จะพัฒนาเป็น “ไบโอฟิล์ม” ซึ่งเป็นโครงสร้างที่มีแบคทีเรียหลากหลายชนิดอยู่ร่วมกัน และเริ่มมีเชื้อก่อโรคเข้ามาเพิ่มขึ้น เช่น
- Porphyromonas gingivalis
- Tannerella forsythia
- Prevotella intermedia
- กลุ่ม Spirochetes
แบคทีเรียเหล่านี้ทำงานร่วมกัน มีการสื่อสารกันเหมือน “ทีมงาน” และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำลายเนื้อเยื่อเหงือก 2. ร่างกายเราตอบโต้…แต่บางครั้งการตอบสนองทำร้ายตัวเอง
เมื่อมีไบโอฟิล์มอยู่บริเวณร่องเหงือก ร่างกายจะเริ่มป้องกันตัวเองด้วย “การอักเสบ” ซึ่งเป็นกระบวนการปกติ แต่หากเกิดต่อเนื่องเป็นเวลานาน การอักเสบจะเริ่มทำลายเนื้อเยื่อเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ:
- เหงือกแดง บวม
- มีเม็ดเลือดขาวเข้ามาในเนื้อเยื่อเพิ่มขึ้น
- ร่างกายปล่อยสารอักเสบ เช่น IL-1, IL-6, TNF-α
- สารเหล่านี้ทำให้เอนไซม์ที่ย่อยคอลลาเจนถูกกระตุ้น
- กระดูกที่รองรับฟันเริ่มถูกทำลาย
กล่าวง่าย ๆ คือ ร่างกายพยายามสู้เชื้อโรค แต่การต่อสู้นี้ทำให้เหงือกและกระดูกรอบฟันเสียหายไปด้วย 3. เหงือกอักเสบ: ระยะเริ่มต้นที่ไม่ควรละเลย
อาการของเหงือกอักเสบมักไม่รุนแรง เช่น
- เหงือกแดง
- เลือดออกเวลาแปรงฟัน
- มีกลิ่นปากเล็กน้อย
ที่น่ากลัวคือ… แทบไม่มีอาการเจ็บ ทำให้หลายคนคิดว่าไม่เป็นไร ทั้งที่จริงแล้วเป็น “สัญญาณเตือนสำคัญ” ว่าเชื้อและการอักเสบกำลังเพิ่มขึ้น
จุดที่ทันตแพทย์ใช้ตรวจว่ามีการอักเสบหรือไม่คือ เลือดออกเมื่อวัดเหงือก (BOP) หากมีเลือดออกง่าย แปลว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้นของเหงือกอักเสบ 4. การศึกษาในมนุษย์ 26 ปีพิสูจน์ชัด: เหงือกอักเสบเรื้อรังคือสาเหตุของปริทันต์อักเสบ
งานวิจัยในผู้ชายชาวนอร์เวย์ 565 คน ติดตามนานกว่า 26 ปี พบว่า:
✔ คนที่เหงือกสุขภาพดีตลอด
แทบไม่มีการสูญเสียกระดูกรองรับฟันเมื่ออายุ 60 ปี
✔ คนที่มีเหงือกอักเสบเป็นประจำ
มีการสูญเสียการยึดเกาะของฟันมากกว่า 70% เมื่อเทียบกับบริเวณที่ไม่อักเสบ
✔ ความเสี่ยงลุกลามเป็นปริทันต์อักเสบ
- ถ้ามีแค่เหงือกอักเสบเรื้อรัง → เสี่ยงเพิ่ม 3.22 เท่า
- หากมีหินปูนใต้เหงือกร่วมด้วย → เสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็น 4.22 เท่า
หมายความว่า เหงือกอักเสบที่ปล่อยไว้นาน จะมีความเสี่ยงที่พัฒนาเป็นปริทันต์อักเสบในอนาคต 5. ปริทันต์อักเสบ: เมื่อกระดูกเริ่มละลายและฟันเริ่มโยก
เมื่อโรคพัฒนาไปถึงระยะปริทันต์อักเสบ จะมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น
- กระดูกเบ้าฟันละลาย
- เหงือกร่น
- ฟันโยก
- มีกลิ่นปากเรื้อรัง
- บางครั้งมีหนองไหลออกจากเหงือก
โรคระยะนี้ “กลับไปเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว” ต้องรักษาโดยทันตแพทย์เฉพาะทางปริทันตวิทยา และดูแลต่อเนื่องระยะยาว 6. ทำไมโรคปริทันต์จึงทำให้ฟันหลุด?
การศึกษาระยะยาวเดียวกันพบว่า:
✔ ฟันที่มีเหงือกสุขภาพดี
มีโอกาสอยู่กับเราไปจนถึงอายุ 50–60 ปีสูงถึง 99.5%
✔ ฟันที่อยู่ในบริเวณเหงือกอักเสบรุนแรง
อัตราการรอดเหลือเพียง 63.4%
และที่สำคัญที่สุด: ฟันในบริเวณที่มีการอักเสบเรื้อรัง มีความเสี่ยงถูกถอนมากกว่าฟันปกติถึง 45 เท่า บทสรุป: เหงือกอักเสบไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่คือสัญญาณเตือนครั้งใหญ่
- คราบจุลินทรีย์ → เหงือกอักเสบ
- เหงือกอักเสบเรื้อรัง → การอักเสบทำลายเนื้อเยื่อ
- กระดูกละลาย → ฟันโยก
- ปริทันต์อักเสบ → สูญเสียฟัน
การตรวจสุขภาพเหงือกสม่ำเสมอ ขูดหินปูน เกลารากฟัน และดูแลความสะอาดในช่องปากอย่างถูกวิธี คือกุญแจสำคัญในการคงสุขภาพฟันไปตลอดชีวิต อ้างอิง Lang NP, Schätzle MA, Löe H. Gingivitis as a risk factor in periodontal disease. J Clin Periodontol 2009; 36 (Suppl. 10): 3–8.
บทความที่เกี่ยวข้อง

ฟันโยกเกิดจากอะไร?
ฟันโยกไม่ใช่เรื่องปกติ แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคปริทันต์อักเสบ บทความนี้ช่วยให้เข้าใจสาเหตุ อาการ และแนวทางรักษาก่อนสูญเสียฟัน

โรคเหงือกอักเสบ/โรคปริทันต์อักเสบ ทำไมถึงมีผลกระทบทั้งร่างกาย?
เพราะมันไม่ใช่แค่โรคในช่องปาก แต่เป็น “โรคอักเสบเรื้อรังของทั้งร่างกาย” เมื่อเหงือกเกิดการอักเสบ เชื้อแบคทีเรียและสารอักเสบสามารถเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดการอักเสบของร่างกาย ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่เชื่อมโยงเหงือกกับโรคเรื้อรังหลายระบบ

ความสัมพันธ์ระหว่าง “โรคปริทันต์อักเสบ” กับ “โรคเบาหวาน”
โรคปริทันต์อักเสบและโรคเบาหวานมีความเชื่อมโยงกันอย่างมาก การดูแลเหงือกให้แข็งแรงคือหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ควบคุมโรคเบาหวานได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงโรครุนแรงในอนาคต