โรคเหงือก โรคปริทันต์

ความสัมพันธ์ระหว่างเหงือกอักเสบและปริทันต์อักเสบ: จากเหงือกอักเสบเล็กน้อย สู่การสูญเสียฟันโดยไม่รู้ตัว

โรคปริทันต์เป็นโรคเหงือกที่หลายคนมองข้าม เพราะในระยะเริ่มต้น “ไม่ค่อยมีอาการเจ็บ” แต่จริง ๆ แล้วมีความซับซ้อนมาก และสามารถลุกลามจนทำให้ฟันโยกหรือฟันหลุดได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง

รองศาสตราจารย์ ทพญ.มุทิตา ว่องสุวรรณเลิศ (หมอโอ๊ะ)
-
8
ความสัมพันธ์ระหว่างเหงือกอักเสบและปริทันต์อักเสบ: จากเหงือกอักเสบเล็กน้อย สู่การสูญเสียฟันโดยไม่รู้ตัว

  ความสัมพันธ์ระหว่างเหงือกอักเสบและปริทันต์อักเสบ: จากเหงือกอักเสบเล็กน้อย สู่การสูญเสียฟันโดยไม่รู้ตัว

โรคปริทันต์เป็นโรคเหงือกที่หลายคนมองข้าม เพราะในระยะเริ่มต้น “ไม่ค่อยมีอาการเจ็บ” แต่จริง ๆ แล้วมีความซับซ้อนมาก และสามารถลุกลามจนทำให้ฟันโยกหรือฟันหลุดได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง

บทความนี้จะเล่าให้เข้าใจง่าย ๆ ว่าเหงือกอักเสบเริ่มจากอะไร เหตุใดจึงพัฒนาเป็นปริทันต์อักเสบ และสุดท้ายอาจทำให้สูญเสียฟันได้อย่างไร   1. จุดเริ่มต้นของปัญหา: คราบจุลินทรีย์ (Plaque) และไบโอฟิล์ม (Biofilm)

เริ่มจาก “คราบจุลินทรีย์” ที่สะสมบนฟันและเหงือก หากเราแปรงฟันไม่สะอาก จะมีแร่ธาตุจากน้ำลายมาตกตะกอนกลายเป็น หินน้ำลาย (หินปูน) เกาะอยู่ที่ผิวฟัน ทำให้เป็นที่อยู่ของแบคทีเรียที่เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว และกระตุ้นให้เหงือกอักเสบได้ภายในไม่กี่วัน

ในช่วงแรกคราบจุลินทรีย์ประกอบด้วยแบคทีเรียแกรมบวกที่ไม่รุนแรงมาก แต่เมื่อสะสมมากขึ้น จะพัฒนาเป็น “ไบโอฟิล์ม” ซึ่งเป็นโครงสร้างที่มีแบคทีเรียหลากหลายชนิดอยู่ร่วมกัน และเริ่มมีเชื้อก่อโรคเข้ามาเพิ่มขึ้น เช่น

  • Porphyromonas gingivalis
  • Tannerella forsythia
  • Prevotella intermedia
  • กลุ่ม Spirochetes

แบคทีเรียเหล่านี้ทำงานร่วมกัน มีการสื่อสารกันเหมือน “ทีมงาน” และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำลายเนื้อเยื่อเหงือก   2. ร่างกายเราตอบโต้…แต่บางครั้งการตอบสนองทำร้ายตัวเอง

เมื่อมีไบโอฟิล์มอยู่บริเวณร่องเหงือก ร่างกายจะเริ่มป้องกันตัวเองด้วย “การอักเสบ” ซึ่งเป็นกระบวนการปกติ แต่หากเกิดต่อเนื่องเป็นเวลานาน การอักเสบจะเริ่มทำลายเนื้อเยื่อเอง

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ:

  • เหงือกแดง บวม
  • มีเม็ดเลือดขาวเข้ามาในเนื้อเยื่อเพิ่มขึ้น
  • ร่างกายปล่อยสารอักเสบ เช่น IL-1, IL-6, TNF-α
  • สารเหล่านี้ทำให้เอนไซม์ที่ย่อยคอลลาเจนถูกกระตุ้น
  • กระดูกที่รองรับฟันเริ่มถูกทำลาย

กล่าวง่าย ๆ คือ ร่างกายพยายามสู้เชื้อโรค แต่การต่อสู้นี้ทำให้เหงือกและกระดูกรอบฟันเสียหายไปด้วย   3. เหงือกอักเสบ: ระยะเริ่มต้นที่ไม่ควรละเลย

อาการของเหงือกอักเสบมักไม่รุนแรง เช่น

  • เหงือกแดง
  • เลือดออกเวลาแปรงฟัน
  • มีกลิ่นปากเล็กน้อย

ที่น่ากลัวคือ… แทบไม่มีอาการเจ็บ ทำให้หลายคนคิดว่าไม่เป็นไร ทั้งที่จริงแล้วเป็น “สัญญาณเตือนสำคัญ” ว่าเชื้อและการอักเสบกำลังเพิ่มขึ้น

จุดที่ทันตแพทย์ใช้ตรวจว่ามีการอักเสบหรือไม่คือ เลือดออกเมื่อวัดเหงือก (BOP) หากมีเลือดออกง่าย แปลว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้นของเหงือกอักเสบ   4. การศึกษาในมนุษย์ 26 ปีพิสูจน์ชัด: เหงือกอักเสบเรื้อรังคือสาเหตุของปริทันต์อักเสบ

งานวิจัยในผู้ชายชาวนอร์เวย์ 565 คน ติดตามนานกว่า 26 ปี พบว่า:

✔ คนที่เหงือกสุขภาพดีตลอด

แทบไม่มีการสูญเสียกระดูกรองรับฟันเมื่ออายุ 60 ปี

✔ คนที่มีเหงือกอักเสบเป็นประจำ

มีการสูญเสียการยึดเกาะของฟันมากกว่า 70% เมื่อเทียบกับบริเวณที่ไม่อักเสบ

✔ ความเสี่ยงลุกลามเป็นปริทันต์อักเสบ

  • ถ้ามีแค่เหงือกอักเสบเรื้อรัง → เสี่ยงเพิ่ม 3.22 เท่า
  • หากมีหินปูนใต้เหงือกร่วมด้วย → เสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็น 4.22 เท่า

หมายความว่า เหงือกอักเสบที่ปล่อยไว้นาน จะมีความเสี่ยงที่พัฒนาเป็นปริทันต์อักเสบในอนาคต   5. ปริทันต์อักเสบ: เมื่อกระดูกเริ่มละลายและฟันเริ่มโยก

เมื่อโรคพัฒนาไปถึงระยะปริทันต์อักเสบ จะมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น

  • กระดูกเบ้าฟันละลาย
  • เหงือกร่น
  • ฟันโยก
  • มีกลิ่นปากเรื้อรัง
  • บางครั้งมีหนองไหลออกจากเหงือก

โรคระยะนี้ “กลับไปเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว” ต้องรักษาโดยทันตแพทย์เฉพาะทางปริทันตวิทยา และดูแลต่อเนื่องระยะยาว   6. ทำไมโรคปริทันต์จึงทำให้ฟันหลุด?

การศึกษาระยะยาวเดียวกันพบว่า:

✔ ฟันที่มีเหงือกสุขภาพดี

มีโอกาสอยู่กับเราไปจนถึงอายุ 50–60 ปีสูงถึง 99.5%

✔ ฟันที่อยู่ในบริเวณเหงือกอักเสบรุนแรง

อัตราการรอดเหลือเพียง 63.4%

และที่สำคัญที่สุด: ฟันในบริเวณที่มีการอักเสบเรื้อรัง มีความเสี่ยงถูกถอนมากกว่าฟันปกติถึง 45 เท่า   บทสรุป: เหงือกอักเสบไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่คือสัญญาณเตือนครั้งใหญ่

  • คราบจุลินทรีย์ → เหงือกอักเสบ
  • เหงือกอักเสบเรื้อรัง → การอักเสบทำลายเนื้อเยื่อ
  • กระดูกละลาย → ฟันโยก
  • ปริทันต์อักเสบ → สูญเสียฟัน

การตรวจสุขภาพเหงือกสม่ำเสมอ ขูดหินปูน เกลารากฟัน และดูแลความสะอาดในช่องปากอย่างถูกวิธี คือกุญแจสำคัญในการคงสุขภาพฟันไปตลอดชีวิต   อ้างอิง Lang NP, Schätzle MA, Löe H. Gingivitis as a risk factor in periodontal disease. J Clin Periodontol 2009; 36 (Suppl. 10): 3–8.

แท็กที่เกี่ยวข้อง
โรคเหงือกขูดหินปูน เกลารากฟันทันตแพทย์เฉพาะทางโรคปริทันต์อักเสบเฉพาะทางโรคเหงือก หาดใหญ่ประกันสังคม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ฟันโยกเกิดจากอะไร?
โรคเหงือก โรคปริทันต์

ฟันโยกเกิดจากอะไร?

ฟันโยกไม่ใช่เรื่องปกติ แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคปริทันต์อักเสบ บทความนี้ช่วยให้เข้าใจสาเหตุ อาการ และแนวทางรักษาก่อนสูญเสียฟัน

โรคเหงือกอักเสบ/โรคปริทันต์อักเสบ ทำไมถึงมีผลกระทบทั้งร่างกาย?
โรคเหงือก โรคปริทันต์

โรคเหงือกอักเสบ/โรคปริทันต์อักเสบ ทำไมถึงมีผลกระทบทั้งร่างกาย?

เพราะมันไม่ใช่แค่โรคในช่องปาก แต่เป็น “โรคอักเสบเรื้อรังของทั้งร่างกาย” เมื่อเหงือกเกิดการอักเสบ เชื้อแบคทีเรียและสารอักเสบสามารถเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดการอักเสบของร่างกาย ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่เชื่อมโยงเหงือกกับโรคเรื้อรังหลายระบบ

ความสัมพันธ์ระหว่าง “โรคปริทันต์อักเสบ” กับ “โรคเบาหวาน”
โรคเหงือก โรคปริทันต์

ความสัมพันธ์ระหว่าง “โรคปริทันต์อักเสบ” กับ “โรคเบาหวาน”

โรคปริทันต์อักเสบและโรคเบาหวานมีความเชื่อมโยงกันอย่างมาก การดูแลเหงือกให้แข็งแรงคือหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ควบคุมโรคเบาหวานได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงโรครุนแรงในอนาคต